ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

วิธีสร้างรหัสแบบสอบถาม ก่อนเข้าสู่การใช้งาน SPSS



แบบสอบถาม เป็นเครื่องมือการวิจัยที่ได้รับความนิยมจากนักวิจัย และนักเรียน นักศึกษา ในระดับต่างๆ เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างครบถ้วนแล้ว กระบวนการถัดมาคือการ คีย์ข้อมูล ลงโปรแกรม SPSS แต่ด้วยจำนวนแบบสอบถามที่มีเป็นจำนวนมาก โดยแต่ละชุดก็มีข้อคำถามที่หลากหลาย ดังนั้น เพื่อเป็นการลดความผิดพลาด จึงควรมีการ สร้างรหัสแบบสอบถาม เพื่อให้การ ลงข้อมูล หรือ คีย์แบบสอบถาม เป็นไปอย่างถูกต้อง โดย BEARY Tutor มีข้อแนะนำดังนี้


1. เขียนรหัสแบบสอบถามเพื่อเรียงลำดับชุด ในการทำวิจัยแต่ละครั้ง มักใช้ แบบสอบถาม เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ในแต่ละชุดยังประกอบไปด้วยจำนวนข้อคำถามมีหลายข้อ การเขียนรหัสแบบสอบถาม ลงบนหัวกระดาษ ซึ่งปกติจะเขียนบริเวณมุมบนขวา โดยใช้ตัวเลข 3 หลัก (ตามจำนวนชุดของแบบสอบถามทั้งหมด) เรียงตามลำดับการลงรหัสแบบสอบถาม (คีย์ข้อมูลแบบสอบถาม) เพื่อป้องกันความสับสนระหว่างการคีย์ รวมไปถึงการแก้ไขข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ในกรณีที่มีการคีย์ผิดพลาด



2. สร้างรหัสตัวแปร การลงรหัสแบบสอบถาม จำเป็นต้องสร้างรหัสของข้อมูล ซึ่งก็คือตัวแปรต่างๆ เพื่อให้สามารถประมวลผลในโปรแกรม SPSS ได้ ตลอดจนเพื่อความเป็นระเบียบ และง่ายต่อการวิเคราะห์ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นคำถามปลายปิด (เลือกตอบ) โดยแบ่งออกเป็น

2.1 แบบสอบถามที่ให้เลือกตอบเพียงข้อเดียว เช่น เพศ () ชาย () หญิง เป็นต้น ข้อคำถามลักษณะนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามจะต้องเลือกข้อใด ข้อหนึ่ง ดังนั้น เราจึงสามารถกำหนดได้ว่า หากผู้ตอบแบบสอบถามเลือกตอบเพศชาย ให้เป็น 1 เลือกตอบเพศหญิง ให้เป็น 2 เป็นต้น

2.2 แบบสอบถามที่สามารถตอบได้หลายคำตอบ แบบสอบถามลักษณะดังกล่าว เราต้องกำหนดรหัสของข้อคำถามก่อน เช่น ท่านเลือกรับรู้ข่าวสารทางช่องทางใดบ้าง () โทรทัศน์ ()วิทยุ ()หนังสือพิมพ์ ()อินเตอร์เน็ต เราอาจกำหนดรหัสของข้อคำถามเหล่านั้นเป็น C1 หมายถึง โทรทัศน์, C2 หมายถึง วิทยุ, C3 หมายถึง หนังสือพิมพ์ และ C4 หมายถึง อินเตอร์เน็ต จากนั้น หากผู้ตอบแบบสอบเลือกตอบข้อใด ให้ใส่หมายเลข 1 และหากไม่ตอบให้ใส่หมายเลข 0

2.3 แบบสอบถามแบบมาตรส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ข้อคำถามจะมีลักษณะเป็นการสอบถามความคิดเห็น ส่วนใหญ่มักมี 5 หรือ 10 ระดับ ยกตัวอย่างเช่น เห็นด้วยอย่างยิ่ง เห็นด้วยมาก เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง โดยผู้วิจัยอาจกำหนดให้ เห็นด้วยอย่างยิ่ง = 5, เห็นด้วยมาก = 4, เห็นด้วย = 3, ไม่เห็นด้วย = 2 และ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง = 1 เป็นต้น


แต่สำหรับใครที่กำลังทำงานวิจัย แล้วไม่มีเวลาคีย์ข้อมูล หรือใช้โปรแกรม SPSS พวกเราทีมงาน Beary Tutor มีบริการช่วยลงรหัสแบบสอบถาม (คีย์ข้อมูล) ราคาถูก เริ่มต้นเพียงชุดละ 5บาท เท่านั้น พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการรับวิเคราะห์และประมวลผล งานวิจัย ด้วยโปรแกรม SPSS ที่ประหยัด สะดวก และรวดเร็ว


อัตราค่าบริการลงรหัสแบบสอบถาม (คีย์ข้อมูล) และให้คำปรึกษาการใช้งาน SPSS มีดังนี้

1. คีย์ข้อมูลแบบสอบถาม ราคา 5 - 35 บาท / ชุด (ประเมินจากจำนวนข้อคำถาม)

2. ให้คำปรึกษา การประมวลผลด้วยโปรแกรม SPSS ราคา 1,000 - 2,000 บาท (ประเมินจากจำนวนสถิติที่วิเคราะห์)

3. ให้คำปรึกษาการวิเคราะห์ข้อมูล จัดทำบทที่ 4 ราคา 3,000 บาท

4. ให้คำปรึกษา การจัดทำการสรุปผล อภิปรายผล และให้ข้อเสนอแนะงานวิจัย บทที่ 5 ราคา 3,000 บาท

5. ติว ให้ความรู้ การใช้โปรแกรม SPSS แบบตัว-ตัว ชั่วโมงละ 300 บาท ติวขั้นต่ำ 2 ชั่วโมงขึ้นไป

หากสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 085 934 1130

หรือที่อีเมล์ bearytutor@gmail.com / Line id : bearytutor

และสามารถเยี่ยมชมแฟนเพจเราได้ที่ www.facebook.com/bearytutor

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของ Maslow ทฤษฎีคลาสสิคที่ใช้ในงานวิจัย

ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของ Maslow (Maslow's hierarchy of needs) ภาพ ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของ Maslow ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/ลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ ในการจัดทำงานวิจัย ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยทางการตลาด การทำวิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาทางด้านการตลาด หรือพฤติกรรมผู้บริโภค จะต้องมีการศึกษาทฤษฎีหนึ่งซึ่งเป็นทฤษฎีอมตะที่บ่งบอกถึงความต้องการของมนุษย์ไว้ได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย นั่นคือ " ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของ Maslow (Maslow's hierarchy of needs) "  Abraham H. Maslow (1954 อ้างถึงในวิบูลย์ จุง, 2550) อธิบายว่า พฤติกรรมของมนุษย์เป็นจำนวนมากสามารถอธิบายโดยใช้แนวโน้มของบุคคลในการค้นหาเป้าหมายที่จะทำให้ชีวิตของเขาได้รับความต้องการ ความปรารถนา และได้รับสิ่งที่มีความหมายต่อตนเอง โดยลำดับขั้นความต้องการของมนุษย์ (The Need –Hierarchy Conception of Human Motivation) สามารถเรียงไว้อย่างเป็นลำดับ ได้ดังนี้ 1. ความต้องการทางร่างกาย ( Physiological needs ) เป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน ที่มีอำนาจมากที่สุดและสังเกตเห็นได้ชัดท...

การวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ

เมื่อพูดถึงการ วิจัย ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบอย่างไร แต่การเรียนในระดับอุดมศึกษาปัจจุบัน ก็มุ่งเน้นให้นักศึกษาได้มีการทำวิจัยในประเด็นต่าง ๆ เพื่อแสวงหาความรู้ และส่งเสริมให้เกิดการคิดอย่างเป็นระบบ ในรูปแบบการทำ ปริญญานิพนธ์ สารนิพนธ์ วิทยานิพนธ์ หรือแม้กระทั่ง ดุษฎีนิพนธ์   ความหมายของการวิจัย กล่าวโดยสรุปคือ การวิจัย เป็นการค้นหาข้อมูลหรือข้อเท็จจริงอย่างเป็นระบบเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และสังคมศาสตร์ ซึ่งนักวิชาการได้มีการแบ่งประเภทของการวิจัยออกเป็นหลายลักษณะ แต่ลักษณะการแบ่งที่เป็นที่รู้จักก็คือ การวิจัยเชิงปริมาณ (quantitative research) และ การวิจัยเชิงคุณภาพ ( qualitative research) การวิจัยเชิงปริมาณ (quantitative research) หมายถึง การมุ่งหาข้อเท็จจริงหรือข้อสรุปในเชิงปริมาณ เน้นการใช้ข้อมูลที่เป็นตัวเลขเป็นหลักฐานยืนยันความถูกต้อง ในผลการศึกษาที่ได้ค้นพบ จากการใช้เครื่องมือการวิจัย ซึ่งมีลักษณะเป็นปรนัยในการเก็บข้อมูล เช่น แบบสอบถาม การสังเกต การสัมภาษณ์  การทดลอง เป็นต้น การวิจัยเชิงคุณภาพ ( qualitative research) หมา...