ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ก.พ. เตรียมเปิดสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก) ประจำปี 2558



ข่าวดีสำหรับผู้ที่มีความฝันจะเข้ารับราชการ เมื่อสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เตรียมเปิดรับสมัครสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก) ประจำปี 2558 โดยรับสมัครผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ต ระหว่างวันที่ 5 - 25 มีนาคม 2558 ครอบคลุมวุฒิการศึกษา ปวช. ปวส. ปริญญาตรี และปริญญาโท ทั่วประเทศ รวมกว่า 550,000 ที่นั่ง โดยมีศูนย์สอบพร้อมให้บริการจำนวน 11 ศูนย์

สำหรับเกณฑ์คะแนนสอบ ก.พ. 2558 นั้น แบ่งออกเป็น
1. ผู้ที่จะถือว่าเป็นผู้สอบผ่านการวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก) ต้องเป็นผู้สอบวิชาความสามารถทั่วไป และวิชาภาษาไทย ได้คะแนนรวมกันไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 และสอบวิชาภาษาอังกฤษ ได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50

ทั้งนี้ เฉพาะระดับปริญญาโท ต้องเป็นผู้สอบผ่านการวัดความรู้ความสามารถทั่วไป ต้องเป็นผู้สอบวิชาความสามารถทั่วไป และวิชาภาษาไทย ได้คะแนนรวมกันไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 และสอบวิชาภาษาอังกฤษ ได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50

2. ผู้ที่สอบผ่านวิชาความสามารถทั่วไป และวิชาภาษาไทย แต่สอบไม่ผ่านวิชาภาษาอังกฤษ ในการสอบครั้งเดียวกันนี้ มีสิทธิสมัครสอบเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษได้อีก 1 ครั้ง โดยสำนัก ก.พ. จะประกาศการรับสมัครสอบเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษให้ทราบ ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งเป็นประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านการวัดความรู้ความสามารถทั่วไป

3. ให้ผู้สอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปที่สอบไม่ผ่านวิชาภาษาอังกฤษ ที่มีหลักฐานรับรองผลการทดสอบภาษาอังกฤษที่ยังไม่หมดอายุการรับรองผลการทดสอบ TOEFL (ไม่รวม TOEFL ITP, TOEFL IELTS, CU TEP หรือ TU GET) และได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของการทดสอบนั้น ๆ ตามรายละเอียดเงื่อนไขผลการทดสอบภาษาอังกฤษ ดังนี้

- TOEFL คะแนนเต็ม 120 คะแนน ผู้สอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 60 คะแนน

- TOEFL ITP คะแนนเต็ม 990 คะแนน ผู้สอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 495 คะแนน

- TOEFL IELTS คะแนนเต็ม 9 คะแนน ผู้สอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 4.5 คะแนน

- CU TEP คะแนนเต็ม 120 คะแนน ผู้สอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 60 คะแนน

- TU GET คะแนนเต็ม 1,000 คะแนน ผู้สอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 500 คะแนน

สำหรับกำหนดการดำเนินการสอบ ภาค ก ประจำปี 2558 นั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เตรียมเปิดรับสมัครผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ต ที่เว็บไซต์ สำนักงาน ก.พ. ที่ http://job3.ocsc.go.th  โดยมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

1. เปิดรับสมัครทางระบบอินเตอร์เน็ต ระหว่างวันที่ 5 - 25 มีนาคม 2558

2. ชำระเงินค่าธรรมเนียมการสอบและเลือกศูนย์สอบ ที่เคาน์เตอร์ ธ.กรุงไทยทุกสาขา ระหว่างวันที่ 5 - 26 มีนาคม 2558

3. ประกาศรายชื่อ วัน เวลา และสถานที่สอบทางอินเตอร์เน็ต ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2558

4. ดำเนินการสอบ ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2558 และ 9 สิงหาคม 2558 (เฉพาะศูนย์สอบที่สอบครั้งที่แล้วไม่หมด)

5. ประกาศรายชื่อผู้ที่สอบผ่าน ทางช่องทางต่างๆ ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2558


สำหรับผู้ที่สนใจจะเตรียมพร้อมสำหรับการสอบความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก) ของ ก.พ. ประจำปี 2558 ทาง Beary Tutor มีบริการติวสอบแบบใกล้ชิด ตัว ต่อ ตัว โดยติวเตอร์สอบราชการมืออาชีพ ซึ่งทำงานในหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจชั้นนำของประเทศไทย มุ่งเน้นการทำข้อสอบการคิดวิเคราะห์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ โดย Beary Tutor จะมุ่งเน้นการปิดจุดอ่อน และเสริมจุดแข็งของผู้เรียน ซึ่งแต่ละคนจะมีความถนัดในการทำข้อสอบแตกต่างกัน เพื่อให้สามารถทำข้อสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การติวเริ่มต้นที่ชั่วโมงละ 300 บาท พร้อมชีทสรุปและแบบทดสอบ หากติวมากกว่า 3 ท่านขึ้นไปเหลือเพียงชั่วโมงละ 250 บาท



ผู้สนใจสามารถติดต่อเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือจองวัน-เวลาสำหรับการเรียนได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 085 934 1130 / Line id : bearytutor / อีเมล์ bearytutor@gmail.com หรือเยี่ยมชมแฟนเพจของเราได้ที่ www.facebook.com/bearytutor




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เคล็ดลับสอบ ก.พ. ภาค ก : การทำข้อสอบอนุกรม

การ สอบ ก.พ. ภาค ก ในปัจจุบัน ได้แบ่งออกเป็น การสอบการคิดวิเคราะห์ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ แม้ว่ารูปแบบข้อสอบจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่และเป็นข้อสอบที่หลายๆ คน มองว่าเป็นเรื่องที่ยาก นั่นคือ "อนุกรม" อนุกรม หมายถึง ชุดของตัวเลขที่เรียงลำดับกันอย่างเป็นระบบ โดยแบ่งออกเป็นเพิ่มขึ้น (การบวกและคูณ) และลดลง (การลบและหาร) ซึ่งความยากของการทำข้อสอบอนุกรมก็คือการค้นหาระบบที่ทางผู้ออกข้อสอบต้องการนั่นเอง โดยเคล็ดลับและวิธีการทำข้อสอบอนุกรมสามารถพิจารณาได้จากวิธีการดังต่อไปนี้ 1. อนุกรมลำดับชั้น วิธีการทำข้อสอบคือการลองหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวเลขโดยการตีแฉก แล้วคำนวณดูว่าตัวเลขแต่ละลำดับนั้นห่างกันเท่าไหร่ และห่างกันอย่างไร ดังแสดงให้เห็นได้ในภาพที่ 1     ภาพที่ 1 2. อนุกรมสะสม วิธีการทำข้อสอบคือการลองหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวเลขในแต่ละชุด อาจกำหนดเป็นชุดละ 2 หรือ 3 ลำดับ แล้วพิจารณาดูว่าผลจากการคำนวณนั้นตรงกับลำดับถัดไปหรือไม่? หากใช่ ให้ลองทำกับลำดับต่อๆ ไป จนได้คำตอบในลำดับสุดท้าย ดังแสดงให้เห็นได้ในภาพที่ 2 ภาพที่ 2   นอกจาก อนุกรม ทั้งสอง

วิธีสร้างรหัสแบบสอบถาม ก่อนเข้าสู่การใช้งาน SPSS

แบบสอบถาม เป็นเครื่องมือการวิจัยที่ได้รับความนิยมจากนักวิจัย และนักเรียน นักศึกษา ในระดับต่างๆ เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างครบถ้วนแล้ว กระบวนการถัดมาคือการ  คีย์ข้อมูล  ลงโปรแกรม SPSS แต่ด้วยจำนวนแบบสอบถามที่มีเป็นจำนวนมาก โดยแต่ละชุดก็มีข้อคำถามที่หลากหลาย ดังนั้น เพื่อเป็นการลดความผิดพลาด จึงควรมีการ  สร้างรหัสแบบสอบถาม เพื่อให้การ  ลงข้อมูล หรือ คีย์แบบสอบถาม เป็นไปอย่างถูกต้อง โดย BEARY Tutor มีข้อแนะนำดังนี้ 1. เขียนรหัสแบบสอบถามเพื่อเรียงลำดับชุด ในการทำวิจัยแต่ละครั้ง มักใช้  แบบสอบถาม  เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ในแต่ละชุดยังประกอบไปด้วยจำนวนข้อคำถามมีหลายข้อ การเขียนรหัสแบบสอบถาม ลงบนหัวกระดาษ ซึ่งปกติจะเขียนบริเวณมุมบนขวา โดยใช้ตัวเลข 3 หลัก (ตามจำนวนชุดของแบบสอบถามทั้งหมด) เรียงตามลำดับการ ลงรหัสแบบสอบถาม ( คีย์ข้อมูลแบบสอบถาม ) เพื่อป้องกันความสับสนระหว่างการคีย์ รวมไปถึงการแก้ไขข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ในกรณีที่มีการคีย์ผิดพลาด 2. สร้างรหัสตัวแปร  การลงรหัสแบบสอบถาม จำเป็นต้องสร้างรหัสของข้อมูล ซึ่งก็คือตัวแปรต่างๆ เพื่อให

ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของ Maslow ทฤษฎีคลาสสิคที่ใช้ในงานวิจัย

ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของ Maslow (Maslow's hierarchy of needs) ภาพ ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของ Maslow ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/ลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ ในการจัดทำงานวิจัย ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยทางการตลาด การทำวิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาทางด้านการตลาด หรือพฤติกรรมผู้บริโภค จะต้องมีการศึกษาทฤษฎีหนึ่งซึ่งเป็นทฤษฎีอมตะที่บ่งบอกถึงความต้องการของมนุษย์ไว้ได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย นั่นคือ " ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของ Maslow (Maslow's hierarchy of needs) "  Abraham H. Maslow (1954 อ้างถึงในวิบูลย์ จุง, 2550) อธิบายว่า พฤติกรรมของมนุษย์เป็นจำนวนมากสามารถอธิบายโดยใช้แนวโน้มของบุคคลในการค้นหาเป้าหมายที่จะทำให้ชีวิตของเขาได้รับความต้องการ ความปรารถนา และได้รับสิ่งที่มีความหมายต่อตนเอง โดยลำดับขั้นความต้องการของมนุษย์ (The Need –Hierarchy Conception of Human Motivation) สามารถเรียงไว้อย่างเป็นลำดับ ได้ดังนี้ 1. ความต้องการทางร่างกาย ( Physiological needs ) เป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน ที่มีอำนาจมากที่สุดและสังเกตเห็นได้ชัดท